วันพฤหัสบดีที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2560

มะม่วงหาวมะนาวโห่ทรงเครื่อง

มะม่วงหาวมะนาวโห่ทรงเครื่อง เมืองไทยเรานี้แสนดีหนักหนา ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ในสวนมีผัก ริมรั้วมีผลไม้ มีให้ได้รับประทานด้วยสองมือเรา ใจรักคิดสร้างคิดปลูก ผลผลิตก็เกิดตามมาอย่างที่คิดที่ทำ รอบรั้วมหาวิทยาลัยสวนดุสิต วิทยาเขตสุพรรณบุรี อุดมไปด้วยต้นมะม่วงไม่รู้หาวมะนาวไม่รู้โห่หรือต้นหนามแดง หรือต้นมะม่วงหาวมะนาวโห่ แม่พันธุ์มาจากบ้านคุณลุงท่านหนึ่งที่อยู่ในตำบลโคกโคเฒ่า อำเภอเมืองสุพรรณบุรี ใกล้ๆกับมหาวิทยาลัยนี่เอง ต้นที่บ้านคุณลุงผลโตมากลูกก็ดก จึงขอเมล็ดสุกๆที่ร่วงหล่นมาเพาะ เกิดเป็นต้นกล้ามากมาย จึงคิดนำมาปลูกแทนต้นทรงบาดาล ซึ่งเดิมก็ออกดอกสีสวยดี เหลืองอร่ามงามตา แต่พอฤดูที่ผีเสื้อมาวางไข่นี่สิ หนอนบุ้งออกมายั้วเยี้ย เป็นอันตรายต่อนักศึกษาอย่างมาก แถมที่โคนต้นมักเป็นที่อาศัยของมดคันไฟอีกด้วย เห็นแล้วเพลียใจ ต้องปรับปรุงด่วน.....!!!!!!!! ๒ ปีผ่านไปต้นมะม่วงหาวมีผลให้รับประทาน นำมาใช้ในการบริการอาหารแนมกับน้ำพริกปลาร้าสับของพื้นเมืองสุพรรณบุรีเข้ากันดีเหลือหลาย หรือนำผลสุกมาต้มกับน้ำเปล่าเป็นน้ำมะม่วงหาวดื่มเพื่อสุขภาพ ซึ่งจากการศึกษาวิจัยทำให้ทราบว่า สารในกลุ่มของ atnorphous water – soluble polyglycoside ที่ได้จากมะม่วงหาวมะนาวโห่นั้นมีฤทธิ์ในการบำรุงหัวใจ และยังช่วยลดความดันโลหิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ พอถึงฤดูออกดอก กลิ่นหอมชื่นใจ ดอกขาวงดงาม เมื่อดอกร่วงก็ติดผลขาวๆนวลๆปนชมพู ผลแก่สีแดงสวยงาม จะเปลี่ยนเป็นสีแดงคล้ำๆเมื่อผลสุกงอมจัด ออกผลได้ตลอดปี เว้นระยะไม่เกิน ๓ เดือน บอกได้เลยว่าออกผลให้ทานได้ทั้งปีเชียวค่ะ ฤดูร้อนผลไม้รสจัดจ้าน.... จี๊ดจ๊าด!!!!!..... ในบ้านเมืองเรามีมากมายช่างเหมาะกับจริตคนไทยดีนัก เมนูมะม่วงหาวมะนาวโห่ทรงเครื่องก็อร่อยชนิดต่อมน้ำลายดีดไม่แพ้ใคร เรามาช้อปปิ้งพืชผลที่ปลูกเองดีกว่าค่ะ...........เก็บมะพร้าวแก่ๆหลังอาคารเรียนมาขูดให้ได้น้ำหนัก ๑ กิโลกรัมแล้วคั่วให้หอม ขากลับแวะเก็บพริกขี้หนูที่ใต้ต้นแคติดมือมา ๑ ขีดล้างให้สะอาด ซอยบางๆพักไว้ จัดการซื้อกุ้งแห้งตัวน้อยๆ ๓ ขีด ถั่วลิสงครึ่งกิโลกรัม น้ำตาลทราย ๑ กิโลกรัม น้ำตาลปีบ ๓ ขีด เกลือ ๑ ถุงน้อย กุ้งแห้งได้มาแล้วนำมาล้างแล้วผึ่งให้แห้งคั่วในกระทะให้กรอบ ถั่วลิสงก็คั่วเช่นกันค่ะเสร็จแล้วบทหยาบๆ เก็บผลมะม่วงหาว ๓ กิโลกรัมมาผ่าซีก แคะเมล็ดออก แช่เกลือไว้ก่อน เสร็จแล้วเคี่ยวน้ำตาลทรายกับน้ำเปล่า ๑ ลิตรใส่น้ำตาลปีบ ๓ ขีดและเกลือป่น ๔ ช้อนโต๊ะ กลิ่นหอมมะพร้าวคั่ว ถั่วคั่ว กุ้งแห้งคั่ว และน้ำตาลเคี่ยว ชวนน้ำลายสอจริงเจียว........... นำมะม่วงหาวที่แช่เกลือไว้ใส่ในถ้วยแก้วใสใบพอเหมาะ ราดด้วยน้ำตาลเคี่ยวรสหวานเค็มนิดๆที่ลอยด้วยกุ้งแห้งคั่ว โรยหน้าด้วยมะพร้าวคั่ว ตามด้วยถั่วคั่วอีกที และแต่งแต้มความเผ็ดด้วยพริกขี้หนูซอย เป็นอันเสร็จสรรพเรียบร้อย สดชื่นเสียเหลือเกินในฤดูร้อนเช่นนี้ ส่งมอบเมนูนี้ให้ใครๆ ไม่มีใครปฏิเสธที่จะรับค่ะ

วันอังคารที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

น้ำสับปะรดมะม่วงหาว

ร้อนๆๆๆๆๆๆ...................ๆๆๆๆๆ...............เสียจริง จะบ่นทำไมนะ มาหาวิธีดับร้อนด้วย เมนูที่.........ฟรุ้งฟริ้ง!!!!!!! กันดีกว่า ปลัดทศพล ท่านเป็นปลัดอำเภอเมืองสุพรรณบุรี พาคุณนายไปเที่ยวพักผ่อนตากอากาศ ได้ซื้อสับปะรดและทุเรียนมาฝาก ทุเรียนปอกรับประทานไปหลายวันก่อนแล้ว วันนี้เพิ่งมีโอกาสจัดการกับสับปะรด คิดกันว่าจะทำน้ำผลไม้ปั่นแก้กระหาย ขณะกำลังชิมกันไปมาก็อยากจะเพิ่มความเปรี้ยวให้กับน้ำสับปะรดปั่น เพิ่มความจี๊ดจ๊าดดดด.......ในฤดูร้อน จึงเดินเข้าสวนหลังหอประชุมมหาวิทยาลัยสวนดุสิต วิทยาเขตสุพรรณบุรี จะไปเก็บมะนาว เดินผ่านริมรั้วมหาวิทยาลัย ปลูกต้นมะม่วงหาว มะนาวโห่ เป็นทิวแถว ในเดือนมีนาคม – เดือนพฤษภาคมของทุกปีกำลังออกผล มองเห็นผลสีแดงๆสดใสน่าชื่นชม และเปรี้ยวปากขึ้นมาทันที....อิอิ... ช่างเหมาะกับอากาศร้อนเหลือเกิน ทำให้นึกถึงเมนูเด็ดๆหลายรายการ อย่างเช่น ผลสดจิ้มน้ำปลาหวาน นำมาดองเกลือและแช่อิ่ม ทรงเครื่อง ลอยแก้ว น้ำผลไม้ปั่น ต้มน้ำใส่น้ำตาล แยมผลไม้สด ว่ากระนั้นจึงแวะเก็บเอาไปผสมน้ำปั่นแทนมะนาวน่าจะดี สีสันคงงดงาม ลืมนึกไปแล้วว่าจะเข้ากัน...ได้มั้ย?????กับสับปะรด หลังจากทดลองปั่นน้ำสับปะรดเสร็จแล้วก็ต้องหาคนชิม ส่งไปตามสำนักงานส่วนต่างๆให้ช่วยติชม พอให้รู้สึกสนุกสนาน กิ๊วก๊าว....!!!!!!........ตามสีสันที่สดใส ผลตอบรับออกมาดีมากเกินความคาดหวัง จึงอยากแนะนำและบอกต่อๆกัน สูตรก็ไม่มีอะไรยุ่งยากทำดื่มง่ายๆ สบายๆดับร้อนดับกระหายเมื่อลมร้อนพัดผ่าน แต่มีประโยชน์เหลือหลาย นำเนื้อสับปะรดหวาน ๒๐๐ กรัม น้ำตาลทราย ๒ ช้อนโต๊ะ เกลือ ๑/๔ ช้อนชา นมสด ๕๐ CC. ผลมะม่วงไม่รู้หาวมะนาวไม่รู้โห่ ๑๕ ผล น้ำแข็งป่น ๒ แก้ว (๑๖ ออนด์) ทุกอย่างปั่นรวมกัน ก็จะได้.....น้ำสับปะรดมะม่วงหาว (มะนาวโห่).... สูตรนี้เสิร์ฟได้ประมาณ ๓ แก้ว คุณประโยชน์ของสับปะรดซึ่งนอกจากจะกินได้แบบสดๆแล้ว ยังสามารถนำมาแปรรูปได้มากมายหลายรายการหรือปรุงเป็นอาหารก็ได้ รสชาติอร่อยถูกปากหลายคนทีเดียว โดยเฉพาะผู้เขียน...ชอบที่สุดค่ะ....สรรพคุณนานัปการช่วยย่อยอาหารประเภทเนื้อและดูดซึมอาหารได้ดี เพราะเอนไซม์บรอมีเลน (Bromelain) ที่มีอยู่ในสับปะรดนั้นคือตัวการใหญ่แห่งการต่อสู้กับโรค ส่วนมะม่วงหาว มะนาวโห่ (หรือหนามแดงหรือมะม่วงไม่รู้หาว มะนาวไม่รู้โห่) ก็ไม่น้อยหน้าใครๆ สรรพคุณมากมายเช่นกัน.....ระดับตัวแม่.....สามารถนำไปประกอบอาหารได้หลายชนิด มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยต้านมะเร็งและชะลอความแก่ สีสรรงดงามของผลนั้นนั้นมีธาตุเหล็กสูง ช่วยบำรุงเลือดช่วยให้ร่างกายสดชื่นและกระชุ่มกระชวย บรรเทาอาการมือเท้าชา ลดอาการไอโดยเฉพาะผลสุกมีวิตามินซีสูงช่วยลดอาการเลือดออกตามไรฟัน

วันอังคารที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

แกงคั่วตะลิงปลิง

อาหารพื้นบ้าน คำๆนี้บอกถึงความรู้สึกที่มีกลิ่นไอแห่งความคิดถึง ความสุข ความอิ่มอร่อย ถ้าใครบ่อน้ำตาตื้นคงมีซึมๆที่ขอบตาแน่นอน อาหารพื้นบ้านหรืออาหารคิดถึงบ้านสำหรับคนที่ต้องจากบ้านไปอยู่ถิ่นฐานอื่น เมื่อได้มีโอกาสกลับบ้านต้องเข้าครัวและนั่งล้อมวงด้วยเมนูเด็ดพื้นบ้านของตนเอง เมืองไทยมีอาหารพื้นบ้านมากมายหลากหลายเมนู ใช้วัสดุในท้องถิ่นผสมผสานกับวัฒนธรรมและชนชาติที่สืบเนื่องต่อกันมารุ่นต่อรุ่น ส่วนใหญ่วัสดุที่ใช้ในการประกอบอาหารจะเป็นผักที่หาได้ในท้องถิ่นและปลาในหนองน้ำ อยากแนะนำเมนูเด็ดที่ทำง่ายและอร่อยไม่แพ้ใคร คือ แกงคั่วตะลิงปลิง เดินไปที่สวนหลังบ้านเก็บตะลิงปลิงอ่อนๆมาล้างแล้วตัดครึ่งลูก หมูสามชั้นหั่นชิ้นพอคำล้างให้สะอาด โขลกพริกแกงคั่วใส่ปลาแห้ง วิธีทำพริกแกงคั่ว ให้นำพริกชี้ฟ้าแห้งมาผ่าเมล็ดออก แช่น้ำให้นุ่มบีบน้ำให้สะเด็ดใส่ลงในครกตามด้วยเกลือแกงเมื่อก่อนเราใช้เกลือเม็ดเพื่อที่จะโขลกได้ง่ายขึ้น พอแหลกดีแล้ว หั่นข่าชิ้นบางๆ ตะไคร้หั่นชิ้นบางๆ หอมแดงแกะเปลือก กระเทียมแกะเปลือกนอก ใส่ลงไปในครกโขลกต่อให้ละเอียด ใส่กะปิลงไปนิดหน่อยโขลกให้เข้ากัน แกะเนื้อปลาแห้งที่ย่างแล้วใส่ลงไปโขลกรวมกันเป็นอันเสร็จเรียบร้อย ปลาแห้งที่มีเป็นปลาที่เราดักได้ในฤดูน้ำหลากเหลือกินสดก็นำมาตากแห้งเก็บไว้กินได้นาน วิธีปรุง นำกะทิใส่ลงในกระทะเคี่ยวให้เดือดตักพริกแกงคั่วปลาโขลกลงไปผัดจนหอม เคี่ยวต่อให้เดือดพล่าน ใส่หมูลงไปผัดให้สุก ใส่ตะลิงปลิงลงไปเคี่ยวพอน้ำเปรี้ยวออก ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปีบเล็กน้อย ชิมรสเปรี้ยวเค็มหวาน ฉีกใบมะกรูดลงไปเคล้าพอมีกลิ่นหอม ตักขึ้นรับประทานกับข้าวสวยหอมมะลิสวนดุสิต อาหารที่เข้ากันในมื้อนี้ควรเป็นปลาซิวแดดเดียวคั่วน้ำตาล ปลาช่อนแดดเดียว หรือหอยแมลงภู่แดดเดียวคั่วน้ำตาล ตามด้วยผัดผักริมรั้ว ทำพริกน้ำปลาไว้สำหรับคนที่ชอบรสจัด มื้อนี้แสนจะอร่อยเลิศรส ในฤดูหนาวจนถึงต้นฤดูร้อนตะลิงปลิงที่สวนหลังบ้านออกผลดกมาก นำมาทำอาหารได้หลากหลายเมนู ได้แก่ ต้มยำปลาทู ยำปลาสลิด น้ำพริกกะปิ ข้าวยำน้ำบูดู เมี่ยง นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณทางยาทำให้เจริญอาหาร บำรุงกระเพาะอาหาร ลดไข้แก้ไอ แก้เสมหะเหนียว ฟอกโลหิต บำรุงเลือด บรรเทาโรคริดสีดวงทวาร ยาบำรุงแก้ปวดมดลูก แก้ลักปิดลักเปิด ผลมีกรดออกซาลิกสูง จึงทำให้เปรี้ยว สารเอทานอลลดน้ำตาลในเลือด ลดไขมันไตรกลีเซอไรด์ได้ดี ตะลิงปลิง ๑๐๐ กรัมให้พลังงานต่อร่างกาย ๑๑ กิโลแคลอรี่ เส้นใย ๐.๓ กรัม แคลเซี่ยม ๑ มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส ๖ มิลลิกรัม เหล็ก ๐.๒ มิลลิกรัม วิตามินซี ๒ มิลลิกรัม วิตามินเอ ๒๖๗ หน่วยสากล(IU) วิตามินบี1 ๐.๐๓ มิลลิกรัม วิตามินบี2 ๐.๐๙ มิลลิกรัม ไนอาซีน ๐.๗ มิลลิกรัม

แมลงห้ำน้อยล่องใต้

                 แมลงห้ำน้อยล่องใต้
            อะไรกันนี่! ทำไมมืดเร็วอย่างนี้หละหรือว่าโลกจะแตก พระอาทิตย์ดับอย่างที่แม่คุณท้ายนาพูดไว้ ตายแล้ว จะทำอย่างไรดี ทำไมไม่ได้ยินเสียงใครเลย ไอ้เต่าแดง แกอยู่ไหน? ไอ้เพื่อนรักแกอยู่ไหน? ได้ยินฉันไหม? แม่จ๋า...พ่อจ๋า....ได้ยินเสียงลูกไหม?  วู้....วู้.....วู้.....ว....ว.....ว......!” แมลงห้ำน้อยบินวนไปวนมาไม่ว่าจะไปทางไหนเหมือนมีกำแพงกั้นไปทุกด้านบางทีก็เหมือนโลกตีลังกากลับไปกลับมา แกว่งไกวเป็นระยะๆเหมือนนอนเปล  โยกซ้ายบ้าง โยกขวาบ้าง เริ่มมีอาการเวียนหัว  หิวก็หิว เหนื่อยก็เหนื่อย อ่อนแรงจนแขนขายกไม่ขึ้น ในที่สุด.......ก็เผลอหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน
            แสงเรืองๆสาดส่องที่ใบหน้าทำให้เจ้าแมลงห้ำน้อยรู้สึกตัว มันค่อยๆลืมตาขึ้นทีละข้าง ทำจมูกฟุตฟิต กลิ่นอะไรนะ ทำไมสดชื่นจัง สดชื่นกว่าสวนครัวของบ้านสวนดุสิตซะอีก ที่นี่คือโลกใหม่หรือ จำได้ว่าพระอาทิตย์ดับแล้วนี่ ว่าแล้วก็ขยับแขน ขยับขาบินออกสำรวจด้วยความอยากรู้อยากเห็น ใครกันนะทำไมคุ้นจัง!  จำได้แล้ว! ผู้จัดการที่บ้านสวนดุสิตนี่นา มาทำอะไรที่โลกใหม่กันนะ อีกคนเป็นใครละ ตัวเล็กๆเหมือนเราเลย มันไม่รอช้าบินสำรวจไปเรื่อยๆจนได้ความว่า ที่นี่คือโรงแรมเมอริไทม์ ปาร์ค แอนด์ สปา
รีสอร์ท จังหวัดกระบี่ ตอนนี้เป็นเวลา 7 โมงเช้า คณะทัวร์จะไปรับประทานอาหารเช้ากันที่ ร้านอาหาร
ตะโกลา  มันหัวเราะด้วยความดีใจ จนลืมความกลัวที่มีมาก่อนหน้านี้ ฮะๆฮ้า..ๆ..ๆ..ดีจัง   เราแอบไปกับเขาดีกว่า
            ในอดีตตะโกลาเป็นเมืองท่าการค้าของจังหวัดกระบี่  ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามมีป่าชายเลนซึ่งเป็นแหล่งอาศัยของปูดำมากที่สุด คือเกาะปูดำ ส่วนภูเขาขนาบน้ำมีนกออกหรือนกอินทรีย์ทะเลท้องขาว(White - Breasted Sea Eagle)อาศัยอยู่เพียงคู่เดียว ธรรมชาติบริเวณนี้สวยงามผู้คนที่ผ่านไปมาต้องแวะถ่ายภาพร่วมกับธรรมชาติเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก หลังจากรับประทานอาหารเช้าแล้วก็ไปตลาดสดชื่อตลาดมหาราช เป็นตลาด ๒ ชั้นชั้นบนทำเป็นลานจอดรถส่วนชั้นล่างเป็นที่จำหน่ายสินค้าเหมือนตลาดสดทั่วๆไปแต่ที่แตกต่างกันคือที่นี่มีวัฒนธรรมการกินและการแต่งกายผสมผสานกันระหว่างมุสลิมและจีน มีผักพื้นบ้านที่น่าสนใจคือผักเหลียงและข่าอ่อนที่ขายทั้งกาบใบ เขานำส่วนนี้มาต้มให้ลูกค้ารับประทานแนมกับขนมจีนน้ำยาใต้หรือเป็นผักเคียงน้ำพริก ออกจากตลาดเดินทางไปน้ำตกร้อน ( Hot Spring Waterfall )ระยะทางประมาณ ๔๒ กิโลเมตร   ไกด์บอกว่าที่นี่เป็น Unseen In Thailand  ที่เรียกน้ำตกร้อนเพราะมีบ่อน้ำร้อนธรรมชาติผุดขึ้นกลางธารน้ำตก จึงทำให้น้ำตกที่ไหลลงมามีความร้อน น้ำตกนี้สูง ๕ เมตรธารน้ำกว้าง ๑๐ เมตรไหลลงสู่คลองท่อม ที่บ้านคราม อำเภอคลองท่อม วันนี้ฝนตกก่อนที่เราจะมาถึง ทำให้ลำธารขุ่นแต่อากาศเย็นสบาย มองเห็นไอร้อนจากธารน้ำตกลอยขึ้นจากผิวน้ำชัดเจน ความอุ่นลอยมาปะทะกับตัวเราจนรับรู้ได้ ระหว่างทางเดินมีกลิ่นหอมของดอกไม้สดชื่นมากเลย ขอแวะรับประทานอาหารว่างสักหน่อยเถอะ นั่นไงไข่อ่อนของหนอนผีเสื้อ อึ่ม...อร่อยจัง เอ่อ..อึ๊ก..อิ่ม  อ้าว?..ไปไหนกันหมดแล้ว นั่นไงเจอแล้ว มันบินไปเกาะที่กระเป๋าสะพายสีฟ้าของผู้อำนวยการ นอนตีพุงอยู่ในร่องซิปสบายใจ พอหนังท้องตึง หนังตาก็หย่อน หลับไปนานพอควร ตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะพลัดตกจากกระเป๋าหล่นไปที่พื้น ที่ไหนนะ น้ำ สวยจัง เป็นสีเขียวเหมือนมรกตเลย เราไปฟังลุงไกด์อธิบายดีกว่า รู้แน่นอน ทีนี่เค้าเรียกว่าสระมรกต(Emeral Pool) เป็น Unseen In Thailand อีกแห่งหนึ่งอยู่ที่เขาประบางคราม ธารน้ำใสมากๆพื้นหินเป็นสีเขียวมรกตเหมือนใครมาทาสีไว้ ที่แห่งนี้ยังเป็นที่อยู่ของนกแต้วแร้วซึ่งมีอยู่เพียง ๒๐ คู่เท่านั้น คณะเดินทางออกจากสระมรกตเวลาประมาณบ่ายโมง หลังจากที่เล่นน้ำกันจนหมดแรงเพราะความหิว และพกพาความผิดหวังไปเล็กน้อยเพราะวันนี้ไม่พบนกแต้วแร้ว ใช้เวลาเดินทางประมาณ ๑ ชั่วโมงเศษเพื่อไปรับประทานอาหารที่ร้านเรือนไม้ ใครๆก็ชมว่าอาหารใต้ที่นี่อร่อยมาก โดยเฉพาะผักพื้นบ้านที่เรียกว่า
ใบยำแย้ รับประทานกับน้ำพริกกุ้งสด (...ร่อยจังฮู้....) แต่เจ้าแมลงเต่าทองกลับคิดว่า ตัวไรที่อยู่บนต้นไม้ข้างประตูทางเข้าร้านอร่อยกว่า หลังจากนั้นคณะทัวร์เดินทางต่ออีก5ก.ม.ก็มาถึงวัดถ้ำเสือที่นี่มีกุศลอุบายที่น่าสนใจคือ ให้พุทธศาสนิกชนทำบุญร่วมกันเพื่อสร้างองค์เจดีย์ ให้ผู้ใจบุญพิมพ์พระด้วยตนเองแล้วนำมาบรรจุไว้ใต้ฐานเจดีย์เพื่อทำเป็นพระกรุในเวลา 150 ปีข้างหน้าถึงเวลานั้นก็เปิดกรุให้พุทธศาสนิกชนรุ่นหลังเช่าพระกรุ นำปัจจัยมาทำนุบำรุงวัดต่อไป ผู้ที่ทำบุญในวันนี้ก็จะได้กุศลอีกครั้งใน 150 ปีข้างหน้า หลวงพ่อจำเนียร สีลเสฏโฐ เจ้าอาวาสวัดถ้ำเสือนี้ช่างปราดเปรื่องนัก  ออกจากวัดถ้ำเสือมุ่งหน้าสู่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา หมู่เกาะพีพี เพื่อทำกิจกรรม CSR ปลูกป่าชายเลน พี่ๆกรมป่าไม้น่ารักมากเตรียมต้นไม้ไว้ 400 ต้นปลูกป่าเสร็จเรียบร้อยเดินทางกลับที่พักเพื่อรับประทานอาหารเย็นที่โรงแรม ลุงไกด์นัดพบวันพรุ่งนี้8 โมงเช้าเพื่อไปทะเล
            เช้าวันเสาร์ที่ 31 มีนาคม 55 รถออกเดินทางไปหาดนพรัตน์ธารา แล้วไปลงเรือเร็วเพื่อชมธรรมชาติของสันดอนทรายเรียกว่า ทะเลแหวก สันดอนทรายเชื่อมระหว่างเกาะ 3 เกาะคือเกาะไก่ เกาะทับและเกาะหม้อ สวยงามมากเหมือนหาดสวรรค์ หลังจากนั้นไปดำน้ำดูปลาและปะการัง พักรับประทานอาหารที่เกาะปอดะ ลมเย็นๆแบบนี้น่านอนจัง หลังจากกินไรจากต้นเสม็ดแล้วก็นอนตากลมหลับไป ตื่นขึ้นมาอีกครั้งมองไม่เห็นใครแล้วอ้าว...ไปไหนกันหมด นั่นไงกำลังขึ้นเรือ ต้องเร่งฝีเท้า อึ๊บ....แห๊กๆ..ๆๆ..เกือบตกเรือ จะไปไหนกันอีกนะเรือแล่นมาสักพักก็ถึงอ่าวพระนาง ฟังพี่ไกด์เล่าประวัติไม่แฮปปี้ในความรัก หลังจากนั้นก็เดินเท้าไปที่หาดน้ำเมาที่นี่มีโรงแรมที่แพงมาก คือโรงแรมรายาวดี ดูแล้วก็ไม่ได้มีอะไรที่มากมายไปกว่าโรงแรมอื่นๆ แต่ที่นี่ขายบริการแบบพิเศษ ขายสิ่งที่ลูกค้าต้องการหรือเรียกอีกอย่างว่า ขายฝันหรือทำความฝันของลูกค้าให้เป็นจริง หรือจัดสิ่งที่ไม่คาดฝันให้แก่ลูกค้า สุดยอดไปเลยแต่เราเป็นแมลงเต่าทองนี่นา เลยไม่มีฝันเหมือนมนุษย์ จะมาใช้บริการก็ไม่มีใครรับ..เฮ้อ! คณะเดินทางรอลงเรือที่หาดหน้าโรงแรมเพื่อกลับที่พัก ตอนเย็นมีนัดรับประทานอาหารที่ร้านวังทราย เป็นร้านอาหารทะเล อยู่ที่อ่าวนาง ที่นี่บรรยากาศเหมือนสีลมผสมผสานกับพัทยา ลุงไกด์นัดพบกัน 8 โมงเช้าพรุ่งนี้เหมือนเช่นเคย ทำไมคืนนี้เราดูเหงาจังเลย แวะไปหาเต่าดำและเต่าส้มที่สระน้ำของโรงแรมดีกว่า ต้องล่ำลาเพื่อนเต่าทองชาวใต้สักหน่อย
            เต่าทอง....เต่าทอง...ตื่น....ตื่นสิ..ๆ..ๆเจ้าเต่าทองลืมตาขึ้นด้วยความงัวเงีย เต่าส้ม  เต่าดำ มาทำอะไรเนี่ยเต่าส้มพูดตกรถแล้วรู้มั้ย?” เจ้าเต่าทองสลัดความง่วงออกโดยฉับพลันทำตาโตเหมือนไข่ห่าน อะไรนะ?” ว่าแล้วบินบรือแบบติดไอพ่น ตามรถบัสของคณะทัวร์ไปติดๆ เกาะที่ท้ายบัสแล้วหันมาทำสายตาอาลัยเพื่อนทั้งสอง ลาก่อนเต่าดำ  ลาก่อนเต่าส้ม ฉันคงคิดถึงพวกเธอไม่มีวันลืม ช่างแสนลำบาก มันเกาะอยู่ท้ายรถเป็นเวลา 3 ชั่วโมงรถบัสมาจอดที่วัดสวนโมกขพลาราม ตำบลเลม็ด อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี มันบินไปเกาะที่สายรัดผมของผู้จัดการบ้านสวนด้วยขาสั่นอ่อนเพลีย บ่นกับตัวเองว่าวันนี้จะไม่เดินโดยเด็ดขาด จะไม่เถลไถลไปไหน ไม่อยากอยู่ที่สวนโมกข์ไปตลอดชีวิตที่วัดสวนโมกข์ ถ้าใครได้มาก็เหมือนได้ใกล้ชิดพระพุทธเจ้า เพราะท่านพุทธทาสภิกขุได้ถ่ายทอดคำสอนของพระพุทธเจ้าไว้ทั่วอาณาเขตของวัด ไม่ว่าจะเป็นศาลาเก็บศพ ศาลาธรรมโฆษณ์อนุสรณ์ กุฏิของท่านพุทธทาส ลานสนทนาธรรม โรงมหรสพทางวิญญาณ ทุกที่ล้วนแฝงคติธรรมคำสั่งสอนขององค์พระศาสดาและความจริงแห่งชีวิต จากวัดสวนโมกข์ไปแวะรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านพลับพลาซีฟู้ด จากนั้นก็ไปนมัสการพระธาตุไชยา ฟัง
มคุเทศน์น้อยท้องถิ่นบรรยาย ดูดี สดใส เปลี่ยนบรรยากาศเพราะฟังลุงไกด์มาหลายวันแล้ว พระธาตุไชยาเป็นพระธาตุที่มีตราแผ่นดินในสมัยรัชกาลที่ 5 ประทับอยู่ที่หน้าบวรพระธาตุ เป็นสถานที่ๆแห่งหนึ่งที่น่าภาคภูมิใจระหว่างการปกครองและศาสนา หลังจากนั้นได้เดินทางกลับสวนดุสิตแวะรับประทานอาหารเย็นที่ร้านใฮ้เปียง เป็นอาหารทะเลสไตล์จีน ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ระหว่างเดินทางกลับบ้านเจ้าเต่าทองนึกถึง2-3วันที่ผ่านมาทำให้หัวใจของมันอิ่มเอิบมีความสุข มีความทรงจำกับภาพที่งดงามของธรรมชาติและรอยยิ้มของทุกคน  ได้รับความรู้เกี่ยวกับการบริการในด้านต่างๆและคติธรรมความจริงแห่งชีวิต ช่างเป็นการเดินทางที่คุ้มค่าจริงๆ ตอนนี้มันเริ่มคิดถึงตักอุ่นๆของแม่แล้ว คิดถึงเจ้าแดงเพื่อนรักที่จากกันไปหลายวัน แล้วปิดเปลือกตาหลับด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข ชั่วขณะนั้นมันนึกขอบคุณผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พิทักษ์ จันทร์เจริญ และดร.เบญจพร ดามาพงศ์ ที่เป็นผู้ทำให้มันได้พบประสบการณ์ในครั้งนี้